รีวิว Transformers: Rise of the Beasts

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts (ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร) ภาคแยกที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าๆ แอ็คชั่นดีงามแฟนเซอร์วิสจัดเต็ม! บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า

 

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts (ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร​​​​​​​)

 

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคแยกจากแฟรนไชส์ Transformers ซึ่งจะเป็นเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นในปี 1994 ก่อนเหตุการณ์ในภาคแรก แต่เป็นเหตุการณ์จากภาค Bumblebee (2018) โดยในภาคนี้จะติดตาม Noah Diaz (รับบทโดย Anthony Ramos) อดีตทหารที่กำลังหางานทำเนื่องจากต้องการเงินไปรักษาอาการป่วยของน้องชาย ทว่าเขาพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถหางานทำได้ เขาจึงตัดสินใจไปร่วมกับเพื่อนแถวบ้านเพื่อเข้าไปขโมยรถหรูเพื่อนำมาขายและเอาเงินมาแบ่งกัน ทว่าดันดวงซวยเพราะรถที่เขาจะขโมยคือ Mirage (พากย์เสียงโดย Pete Davidson) ซึ่งจังหวะที่เขาเข้าไปในรถได้ Optimus Prime(พากย์เสียงโดย) ดันเรียกรวมตัวพอดี เขาจึงได้เข้าไปมีส่วนกับสงครามของเหล่าหุ่นยนต์ โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Transformers: Rise of the Beasts ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

 

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts (ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร​​​​​​​)

 

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าตัวผมเองนั้นไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์ Transformers คือเคยดูมาบ้างในตอนเด็กที่ยังไม่ประสีประสา พอเห็นภาคนี้เป็นภาคแยกที่เนื้อเรื่องไม่ได้ต่อจากภาคเก่าๆ ผมจึงตัดสินใจเข้าไปดู คือไปดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้หนังมันนำพาไป ซึ่งปรากฎว่ามันสนุกเอาเรื่องเหมือนกัน ตัวหนังมอบความบันเทิงให้ผมพอสมควร ฉากแอ็คชั่นก็ทำออกมาได้ดี การดำเนินเรื่องทำได้ค่อนข้างดี ตัวหนังเปิดด้วยการให้เราได้เห็นก่อนว่าคีย์หลักของภาคนี้คือการแย่งชิงกุญแจกันซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กลุ่ม Maximals นำมาซ่อนไว้ที่โลกหลายพันปี จากนั้นเขาก็ตัดไปให้เราได้รู้จักกับตัวละครหลักของเรื่องอย่าง Noah ว่าเขามีพื้นเพแบบไหน ทำให้เราได้เข้าใจและอินกับตัวละครนี้มากขึ้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่เส้นเรื่องหลัก เรียกได้ว่าแทบไม่มีจังหวะไหนให้คนดูได้เบื่อเลย ดูเพลินมากๆ มีการแทรกมุขตลกมาพอให้เราได้ขำอยู่เป็นระยะๆ

แม้ว่าจะบอกว่าดำเนินเรื่องกระชับฉับไว แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวบทมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เนื่องจากมันออกมาแบบสูตรสำเร็จมากๆ คือทุกอย่างมันดูง่ายดายจนเกินไป ทุกอย่างดูรีบไปหมด แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาอยากขายแฟนเซอร์วิสให้แฟนๆ ด้วยการโชว์ความเท่ของเหล่าหุ่นยนต์ที่มีมากถึง 3 กลุ่ม เขาจึงต้องแบ่งเวลาไปให้เหล่าหุ่นยนต์พวกนี้ด้วย ยังดีที่ยังสามารถผูกเรื่องราวของหุ่นเข้ากับตัวเอกได้อย่างดี ส่วนตัวชอบประเด็นความสัมพันธ์ของ Noah กับ Mirage มากๆ ภาคนี้ทำเอา Optimus Prime ดูเป็นตัวละครสมทบไปเลย ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ภาคนี้ไม่เหมือนภาคอื่นนั่นคือการที่ฝั่งมนุษย์ได้มีส่วนร่วมกับการต่อสู้มากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา คือทั้งช่วยหากุญแจและร่วมต่อสู้กับหุ่นยนต์ในตอนท้ายด้วย สำหรับผมฉากสู้ท้ายเรื่องคืออะไรที่ว้าวและติดตาเอามากๆ แถมเพลงที่เลือกมาก็ดีเช่นกัน

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของภาคนี้คงหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่น เพราะทำออกมาได้ดีทุกฉาก แถมยังฉลาดด้วยการให้มีการสู้กันหลายครั้งแบ่งเป็นช่วงๆ คือเล่าเรื่อง แอ็คชั่น เล่าเรื่องต่อ แอ็คชั่นอีกรอบ และก็เล่าเรื่องต่อ ปิดด้วยแอ็คชั่นตอนท้าย คือสลับไปมาแบบพอดี ถึงบอกว่ามันไม่มีจังหวะไหนให้เราได้เบื่อเลย ส่วนตัวฉากที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากต่อสู้ตอนท้ายเรื่อง คือมันดูยิ่งใหญ่และบันเทิงมากๆ ได้เห็นหุ่นยนต์ทุกตัวรวมพลังกัน มันเท่และฟินมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ Bumblebee โดดลงจากเครื่องบินมาช่วยตอนท้ายพร้อมเพลงประกอบคือโคตรเท่ ปิดท้ายด้วยฉากร่วมต่อสู้ของ Noah, Optimus Prime และ Optimus Primal ฉากนี้ขนาดผมไม่ใช่แฟนของหนังเรื่องนี้ผมยังประทับใจมากๆ เลย ออกแบบฉากแอ็คชั่นได้ดีจริงๆ งาน CGI ก็ค่อนข้างดี แม้ว่าอาจจะมีไม่สมจริงบ้างบางฉากแต่ก็เป็นส่วนน้อยมากๆ สรุปโดยรวมคือ ภาคนี้เป็นหนึ่งในภาคที่สนุก ดูเพลิน ได้เห็นหุ่นยนต์เท่ๆ หลายตัว ได้ดูฉากแอ็คชั่นอย่างเต็มอิ่ม มีข้อเสียแค่เพียงอย่างเดียวคือบทที่มาในแบบสูตรสำเร็จจนไม่รู้สึกลุ้นตามเท่าไหร่ แต่หากคุณสนใจอยากดูแค่ฉากแอ็คชั่นกับหุ่นยนต์ ผมรับประกันได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

 

โอเค..อัปเกรดฉบับนี้ก็ดีขึ้นอยู่นะ

 

ดูเหมือนว่าเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้จะยังไม่ยอมตายและจบลงไปง่าย ๆ แม้ว่าที่ผ่านมามันจะค่อนข้างทิ้งเอาไว้ด้วยเส้นทางที่เละเทะน่าดูไม่น้อย แต่การกลับมาครั้งนี้จะเป็นความหวังครั้งใหม่ได้หรือไม่ เพราะนี่คือ รีวิว Transformers: Rise of the Beasts ที่ยังจัดได้ว่าเป็นหนังฉบับรีบูตและเป็นภาคต่อจากหนังเรื่องที่แล้ว ยังคงเป็นภาคย้อนเวลากลับไปอยู่ แม้ว่าจะค่อนข้างเข็ดหลาบ…แต่กลับมาอีกยังไหวอยู่อีกหรือ?

Transformers: Rise of the Beasts ในเวอร์ชั่นเป็นการเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1994 กับการผจญภัยและต่อสู้ครั้งสำคัญของเหล่าสมาชิกจักรกล ออโตบอตส์ ที่พวกเขาต้องหาหนทางในการกลับดวงดาวของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้ต้องมาจับมือผนึกกำลังกับเหล่าจักรกลเผ่าใหม่ที่ชื่อว่า แม็กซิมอลส์ บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่ยังถูกพวกดิเซปติคอนส์พยายามรุกราน หาวิธีกลืนกินดวงต่าง ๆ ไปทั่วกาแลกซี

คงต้องสารภาพตามตรงกับคุณผู้อ่านทุกคนเลยว่า สำหรับหนังชุด Transformers นั้น ทางเราออกอาการเทไปและเลิกดูไปสักพักใหญ่ ๆ น่าจะนับตั้งแต่ภาคที่ 2 เลยด้วยซ้ำ (ซึ่งจำได้ลาง ๆ ว่าทนดูได้ไม่จบ) แม้ว่าหลังจากนั้นมันจะยังคงถูกสร้างออกมาเป็นภาคที่ 3-4-5 ตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้ติดตามหรือสนใจเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ต่อ จะมีก็แค่กลับมาดู ” Bumblebee ” เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะเห็นว่าเป็นภาคต้นและมีความเป็นภาคแยก

 

บทความแนะนำ